วัตถุประสงค์ของหลักสูตร

1. เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าแห่งสุนทรียศาสตร์และศิลป์แก่ผู้บริหารในการนำไปปรับใช้เพื่อนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาสู่ความเจริญอย่างมีอารยะในระดับสากล
2. เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายคุณภาพ ผนึกกำลังความรู้ในการใช้วางแผนเชิงกลยุทธ์ เชื่อมโยงภาครัฐและภาคเอกชนไทยให้มีขีดความสามารถและมีรสนิยมทัดเทียมนานาอารยะประเทศอันจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาองค์กรและประเทศชาติที่ยั่งยืนสืบไป
3. เพื่อเสริมสร้างสุนทรียศาสตร์และศิลป์แก่ผู้บริหารให้เกิดความเข้าใจและเข้าถึงในรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์อันเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอย่างสร้างสรรค์และคุ้มค่าต่องบประมาณก่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อองค์กรและประเทศชาติ
4. เพื่อให้เกิดการผนึกพลังจากทุกภาคส่วนในการร่วมระดมกำลังเพื่อการนำเสนอแผนพัฒนายุทธศาสตร์การค้าเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อนำพาประเทศไทยให้เป็นผู้นำเศรษฐกิจของภูมิภาค และสามารถแข่งขันได้อย่างโดดเด่นในเวทีโลก

เนื้อหาของหลักสูตร (ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ)

– สุนทรียศาสตร์คืออะไร…ทำไมมนุษย์จึงต้องมีสุนทรียศาสตร์ ?
– ศิลปะเพื่อการลงทุน
– การชมงานและการตีความทางศิลปกรรม
– สุนทรียศาสตร์และศิลป์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างไร ?
– การบริหารจัดการองค์กรด้วยสุนทรียศาสตร์และศิลป์มีประโยชน์อย่างไร ?
– วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ศิลป์สากล เชื่อมโยงโลกให้ถึงกัน
– ทำอย่างไรงานศิลป์ไทย….จึงจะก้าวไกลสู่สากล ?
– โอเปร่า เพลงคลาสสิค…ดูและฟังอย่างไร ไม่ต้องใช้บันไดปีน
– ศิลปะแห่งอาหารการกิน กินดี มีรสนิยมเป็นอย่างไร..ทำไมจึงสำคัญ ?
– พุทธศิลป์  คริสตศิลป์  ศิลปะนานาชาติ…รู้ไว้จะได้คุยกับเค้ารู้เรื่อง
– เทคนิคการใช้เสียงและลีลาในการพัฒนาบุคลิกภาพ
– Workshop สร้างงานศิลปะด้วยเทคนิคต่าง ๆ
– พระเครื่อง ภาพถ่าย นาฬิกา รถโบราณ…ศิลปะเหนือกาลเวลา ?
– หุ้น ทอง คริปโตเคอเรนซี่ งานศิลปะ…เล่นอะไรไม่ติดดอย ?
– สุนทรียศาสตร์แห่งการแต่งกาย
– เจาะฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง พลิกชะตาได้จริง ?
– งานศิลป์ของแท้ ของปลอม ของเลียนแบบ…ดูกันอย่างไร ?

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. ผู้บริหารได้เสริมสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าแห่งสุนทรียศาสตร์และศิลป์แก่ผู้บริหารในการนำไปปรับใช้เพื่อนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาสู่ความเจริญอย่างมีระดับ และสามารถพัฒนาตนไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางสังคมและเศรษฐกิจการลงทุนของประเทศ
2. ผู้บริหารได้เสริมสร้างเครือข่ายคุณภาพเพื่อผนึกกำลังความรู้ในการใช้วางแผนเชิงกลยุทธ์ เชื่อมโยงภาครัฐและภาคเอกชนไทยมีขีดความสามารถและมีรสนิยมทัดเทียมนานาอารยะประเทศอันจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆในการแข่งขัน เพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนสืบไป
3. ผู้บริหารเกิดความเข้าใจและเข้าถึงในรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์อันเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอย่างสร้างสรรค์และคุ้มค่าต่องบประมาณก่อให้เกิดประโยชน์อันสูงสุดต่อองค์กรและประเทศชาติ
4.ผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชนเกิดการผนึกพลังจากทุกภาคส่วน โดยการนำเสนอแผนพัฒนายุทธศาสตร์การค้าเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อนำพาประเทศไทยให้เป็นผู้นำเศรษฐกิจของภูมิภาค และสามารถแข่งขันได้อย่างโดดเด่นในเวทีโลก